Table of Contents
การออมเงินเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและการลงทุนในอนาคต หลักการและเทคนิคการออมเงินที่มีประสิทธิภาพสามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง ในบทความนี้ เราจะมาแนะนำ 5 หลักการและเทคนิคออมเงินที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
1. หลักการ Six Jars
หลักการ Six Jars หรือระบบการแบ่งเงินออกเป็นหกขวด เป็นเทคนิคออมเงินที่ได้รับความนิยมและสามารถนำไปใช้ได้ง่าย หลักการนี้ถูกพัฒนาโดย T. Harv Eker นักพูดและนักเขียนที่มีชื่อเสียงด้านการเงิน หลักการ Six Jars แบ่งเงินออกเป็นหกส่วน โดยแต่ละส่วนมีวัตถุประสงค์การใช้เงินที่แตกต่างกัน
วิธีการใช้หลักการ Six Jars
- 50% สำหรับค่าครองชีพ: เงินส่วนนี้ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ
- 10% สำหรับการออมระยะยาว: เงินส่วนนี้เก็บไว้เพื่อการลงทุนหรือการออมระยะยาว เช่น การซื้อหุ้น กองทุนรวม
- 10% สำหรับการศึกษาและพัฒนาตนเอง: เงินส่วนนี้ใช้สำหรับการศึกษา เช่น การลงคอร์สเรียน การซื้อหนังสือ
- 10% สำหรับการใช้จ่ายที่สนุกสนาน: เงินส่วนนี้ใช้สำหรับการทำกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น การไปท่องเที่ยว การดูหนัง
- 10% สำหรับการให้: เงินส่วนนี้ใช้สำหรับการบริจาคหรือการช่วยเหลือผู้อื่น
- 10% สำหรับการเก็บฉุกเฉิน: เงินส่วนนี้เก็บไว้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การเจ็บป่วย การซ่อมแซมบ้าน
2. หลักการ 50/30/20
หลักการ 50/30/20 เป็นเทคนิคออมเงินที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ หลักการนี้แนะนำให้แบ่งรายได้ออกเป็นสามส่วน โดยมีสัดส่วนการใช้จ่ายที่ชัดเจน
วิธีการใช้หลักการ 50/30/20
- 50% สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็น: เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
- 30% สำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น: เช่น การกินข้าวนอกบ้าน การช้อปปิ้ง การบันเทิง
- 20% สำหรับการออมและการชำระหนี้: เช่น การฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ การลงทุน การชำระหนี้
3. หลักการ Zero-Based Budgeting
หลักการ Zero-Based Budgeting เป็นเทคนิคออมเงินที่มุ่งเน้นการวางแผนการใช้จ่ายเงินให้หมดในแต่ละเดือน โดยทุกบาททุกสตางค์ของรายได้ต้องมีการกำหนดว่าใช้จ่ายในส่วนใด
วิธีการใช้หลักการ Zero-Based Budgeting
- กำหนดรายได้ทั้งหมด: เริ่มต้นด้วยการระบุรายได้ทั้งหมดในแต่ละเดือน
- จัดสรรค่าใช้จ่าย: กำหนดค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายประจำ ค่าออม และการลงทุน
- ปรับปรุงแผน: ทุกสิ้นเดือนทำการตรวจสอบและปรับปรุงแผนการใช้จ่ายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง
4. หลักการ Envelope System
หลักการ Envelope System เป็นเทคนิคออมเงินที่ใช้การแบ่งเงินสดออกเป็นซองๆ สำหรับการใช้จ่ายแต่ละประเภท เพื่อช่วยควบคุมการใช้จ่ายและป้องกันการใช้เงินเกินงบ
วิธีการใช้หลักการ Envelope System
- เตรียมซองเงินสด: จัดเตรียมซองเงินสดหลายๆ ซอง
- กำหนดงบประมาณ: เขียนประเภทการใช้จ่ายและจำนวนเงินที่กำหนดสำหรับแต่ละประเภทบนซอง เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง
- ใช้เงินจากซอง: ใช้จ่ายเงินเฉพาะจากซองที่กำหนดเท่านั้น หากเงินในซองหมด จะไม่สามารถใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
5. หลักการ Pay Yourself First
หลักการ Pay Yourself First เป็นเทคนิคออมเงินที่มุ่งเน้นการออมก่อนการใช้จ่ายอื่นๆ หลักการนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถสะสมเงินออมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีการใช้หลักการ Pay Yourself First
- กำหนดเปอร์เซ็นต์การออม: ตัดสินใจว่าต้องการออมเงินเท่าไหร่ในแต่ละเดือน เช่น 10% หรือ 20% ของรายได้
- ออมเงินก่อนใช้จ่าย: เมื่อได้รับรายได้ ให้หักเงินส่วนที่ต้องการออมออกก่อน แล้วจึงใช้จ่ายเงินที่เหลือ
- อัตโนมัติการออม: ใช้บริการหักบัญชีอัตโนมัติในการโอนเงินออมไปยังบัญชีออมทรัพย์หรือการลงทุน
สรุป
การออมเงินนั้นไม่ยากอย่างที่คิดถ้าเกิดว่ามี เทคนิคออมเงิน ที่ดีและถูกต้อง อย่าลืมหารายได้เสริมเพื่อสร้างความมั่นคง จดบันทึกการใช้เงิน บอกเลยว่าคุณจะมีอิสระทางการเงินในอนาคตได้อย่างแน่นอน